วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ได้เวลาเปลี่ยนดินโลโฟแล้วววว

 

คือจะบอกว่าสมควรเปลี่ยนมาตั้งนานแล้ว 😤😤
มัวไปทำอะไอยู่ 😫 ความจริงไม่ได้มีสำนึกขึ้นมาได้เอง 
แต่เกิดจากไม้มีปัญหา 1 ต้น 😫😫
🌸🌸🌸🌸🌸
ข้างล่างนี้  - รวบรวมสรุปคำแนะนำจากสมาชิกกลุ่มโลโฟเริงร่าฯ
1. ผสมดินให้โปร่งๆ เช่น หินภูเขาไฟ :ดิน 70:30 หรือ 80:20
2. วางในที่มีแดดส่องถึงโดยมีการพลางแสง 🦔 ก่อนนำออกแดด ให้ค่อย ๆ train แดด 
3. รดน้ำเมื่อดินแห้ง หรือประมาณ 5-7 วัน 
ขึ้นกับป้จจัย ดินโปร่ง, ความชื้น (ฝนตก/ไม่ตก), แดด (ปริมาณชม.แดดที่ได้รับ)
      อยู่กันเป็นชุมชนแออัดเลย 😫😫😫 เพราะ 1 ต้นมีอาการ จึงต้องรื้อรากทุกต้น 😂
น้องโตขึ้นมาก..ผ่านมา 1 ปี ไม่เปลี่ยนดินเรยยป้า 😂เลี้ยงแบบให้อดทนต่อความแฉะ เพราะดินแน่นเกิ๊น 555


ต้นนี้มีปัญหา เลยไปถามเพื่อนๆในกลุ่มโลโฟเริงร่าฯ 🍁






เมื่อเห็นดิน..ทุกคนต่างลงความเห็นว่าดินเยอะเกิน ให้ผสมหินภูเขาไฟ 70 ดิน 30 เพื่อให้ดินโปร่ง 🌵


ตัวเหลือง..รากเปื่อยยุ่ย..แต่น่าจะรักษาขีวิตไว้ได้ ..
และนางเป็นคนช่วยชีวิตต้นที่เหลือ..😁😁..
เพราะจับทุกต้นมาเปลี่ยนดิน จัดแบบโปร่งที่สุดในสามโลกให้ ♥️

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Gymnocallicium Mihanovichii Variegata


กระบองเพชรยอดนิยมในประเทศไทย หนึ่งในนั้นต้องมีสายพันธ์ Gymnocallicium Mihanovichii รวมอยู่แน่ ๆ โดยเฉพาะยิมโนด่าง (Gymnocallicium Mihanovichii Variegata)  ที่มีความสวยงามหลากหลาย และเป็นที่ต้องการของนักสะสม  

วันนี้จะมาพูดถึงการแบ่งประเภทของยิมโน ในมุมมองของยิมโนเขียวและยิมโนด่างนะคะ

(คือการแบ่งประเภทอาจมีในมุมมองอื่น ๆ ด้วย)

ยิมโนแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ (ในตลาดที่ซื้อขายกัน-ในไทย)

1.ยิมเขียว (ไม่ด่าง)

2.ยิมด่าง คือมีสีอื่นนอกจากสีเขียว

ยิมด่าง

ยิมด่างเกิดจากการนำแม่พันธ์พ่อพันธ์ผสมข้ามกันไปมา เพื่อให้ได้ลูกด่างสวย ๆ มีเอกลักษณ์ มีความแตกต่างกันในรูปลักษณ์ ได้แก่ สีสรร ลักษณะลำต้น พู และอื่น ๆ (นึกไม่ออก แหะแหะ) ซึ่งยิมด่างในตลาดที่เราพูดกันยังแยกออกเป็นโคลนและไม้เมล็ด

โคลน

ยิมโนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (ซึ่งเราเข้าใจว่า) มีที่มาที่ไปที่ชัดเจน มีการจดบันทึกว่าเอาต้นแม่พันธ์อะไร ผสมกับพ่อพันธ์อะไรจึงได้ลูกที่มีเอกลักษณ์เหมือนๆ กัน ฟาร์มที่ผลิตยิมโนจึงมีการตั้งชื่อให้แก่ลูกผสมเหล่านั้น ซึ่งเรียกว่า "โคลน" เช่นโคลนมัลติคัลเลอร์, โคลน Emeral ,โคลน Day Dream, etc. 

ไม้เมล็ด

ส่วนลูกผสมที่เกิดจากการผสมโดยไม่ได้มีการจดบันทึกที่ชัดเจน เรียกว่า "ไม้เมล็ด"

เดาว่าเหตุที่ไม่ตั้งชื่อและเรียกรวม ๆ ว่า ไม้เมล็ด.. เพราะ...มันมีมากมาย เกิดจากการผสมกันแบบไม่มีที่มาที่ไปและไม่สามารถกลับย้อนไปดูได้ว่าถ้าจะผลิตลูกออกมาให้มีเอกลัษณ์เหมือนเดิมจะทำยังไง..เพราะไม่ได้จดพ่อพันธ์แม่พันธ์ไว้

อย่างไรก็ดี..ไม่ใช่ว่าไม้เมล็ดไม่ดีนะคะ..เพราะผู้ซื้อที่ซื้อลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากต้นอื่นๆ แบบมีต้นเดียวในโลก ก็จะชอบเก็บไม้พวกนี้

ต้นด้านบนนี้คือไม้เมล็ด ซึ่งมีความสวยงามแบบมีต้นเดียวในโลก

สองต้นนี้เป็น โคลน Preciouscoral จากฟาร์มเพชรแต้มสี
จะสังเกตุได้ว่าทั้งสองต้นมีเอกลัษณ์ที่เหมือนกัน 
เช่นลักษณะของการกระจายสี ลักษณะสันพู เช่นความบาง ความหนาของสันพู
ลักษณะความถี่-ความหยักของสันพู หรือแม้แต่การแตกหน่อ...

กลุ่มนี้เป็นไม้ญี่ปุ่น ชื่อโคลน Dragon Wing
..แต่ชื่อโคลนนี้ไม่ค่อยแน่ใจนะคะ..ฟังมาจาแม่ค้า..เค้าบอกชื่อนี้
ค้นหาใน Google ไม่ค่อยมีข้อมูล ที่นำมาโชว์เพราะเค้ามีเอกลัษณ์ที่ชัดเจนมาก ๆ
แต่ดูลักษณะพูของเค้า..ก็เหมือนครีบมังกรจริงๆ

***************************
ข้อมูลดังกล่าวนี้เกิดการสืบค้นข้อมูลใน Internet และการสอบถามจากผู้ขายหรือผู้รู้
รวมถึงประสบกาณ์ การสังเกตุ และการทำความเข้าใจด้วยตนเอง..
หากผิดพลาดหรือมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนยินดีรับความเห็นเพื่อนำมาปรับปรุงค่ะ

ยิมโนด่างส่วนหนึ่ง ที่สะสมไว้ที่สวนริมระเบียงค่ะ

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564

ยิมโนคัลไลเซี่ยม (Gymnocallicium)

                  

นางเป็น "อ้วนส้ม" ปลอมตัวมาค่ะ 😁😁

สงสัยมั้ยคะ อ้วนส้มคือใคร ..นางเป็น cactus สายพันธ์ Gymnocalycium mihanovichii ชื่อจะยาวไปไหน .. เรียกชื่อเล่นว่ายิมโนนะคะ นอกจากชื่อสายพันธ์ยาว ๆ ข้างต้นแล้ว แคคตัสยังแยกออกเป็นโคลนต่าง ๆ (อันนี้ไม่แน่ใจว่า คำว่า "โคลน" เป็นคำที่ใช้เป็นมาตรฐานหรือใช้เฉพาะในเมืองไทย เพราะเคยคุยกับฝรั่ง เค้าเรียก ID "What ID is it ?"

โคลนที่จะแนะนำในวันนี้คือ "อ้วนส้ม" หรือ Carnelian จากฟาร์มเพชรแต้มสีนะคะ

ที่บอกว่านางเป็นอ้วนส้มปลอมตัวมา เพราะว่า หน่อของต้นนี้ขึ้นอยู่บนยอดปิดต้นแม่ซะมิด จนดูไม่ออกว่านางคืออ้วนส้มค่ะ


แต่หน่อของนางมีความพิเศษค่ะ นางเป็นคริสสสสส ** อยากจะกรี๊ดดดดดดังๆ 55

ที่สำคัญไม่ได้มีแค่คริสเดียว นางมีถึง 2 คริสค่ะ ยิ้มกว้างงงง (เมื่อไหร่ blog จะมี sticker)

ตอนนี้เด็ดหน่อคริสมาชำ 1 หน่อ เก็บคริสไว้กับต้นแม่ 1 หน่อ เผื่อพลาด
และชำหน่อที่ไม่คริสอีก 5 หน่อ หวังว่านางจะแพร่พันธ์คริสไปยังรุ่นถัดไปด้วย


**คริส มาจากคำว่า cristatra หมายถึงกระบองเพชรที่มีการเจริญเติบโตแบบผิดปกติ โดยมีลักษณะที่เห็นเด่นชัดคือ แทนที่จะมีต้นเป็นพู กลับกลายเป็นครีบถี่ๆ ซึ่งบ้างก็ว่าเหมือนหงอนไก่ บ้างก็ว่าเหมือนประการัง แต่ที่แปลกกว่านั้นคือ ทำให้ยิมโนต้นนั้นมีราคาสูงกว่าปกติหลายเท่า 
ดังนั้น การที่ไม้ที่เราเลี้ยงกลายเป็นคริสจึงทำให้คนเลี้ยงปลื้มปริ่มดีใจ ราวกับมีโชคดีถูกล๊อตตารี่กันทีเดียว


วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2564

การปลูกเลี้ยงและดูแลแคคตัสเบื้องต้น

ด้วยว่าวันนี้แวะเข้าไปเยี่ยมห้อง กระบองเพชร ในพันทิป .. ได้อ่านปัญหาในการปลูกเลี้ยงกระบองเพชรของนักปลูกมือใหม่..ส่วนใหญ่น้อง ๆ มักมีปัญหาจากความไม่เข้าใจนิสัยของแคคตัส ทำให้การเลี้ยงที่เหมือนจะไม่ยาก..ดูยากขึ้นในทันที..... ทำให้นึกถึงตอนที่เรายังเป็นมือใหม่ ..ก็แทบถอดใจกับความเลี้ยงยากของนางมาแล้วเหมือนกัลลลล การเลี้ยงแคคตัส ..เราควรลบความทรงจำการเลี้ยงไม้ในเขตร้อนชื้นในบ้านเราออกไปก่อน และมาทำความเข้าใจ "นิสัย"ของแคคตัสก่อนเป็นอันดับแรก

แคคตัสหรือกระบองเพชรที่เป็นที่นิยมในหมู่ฮิปสเตอร์และไม่ฮิปสเตอร์ในปัจจุบัน (คือเลี้ยงกันทุกกลุ่ม แฮร่) เป็นไม้จากต่างประเทศ มีถิ่นอาศัยอยู่ในแถบทะเลทราย แดดจัดแต่อากาศแห้งและหนาวเย็น การปลูกเลี้ยง (ได้แก่ ดิน น้ำ แดด) จะแตกต่างจากไม้ในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเราโดยสิ้นเชิง

มาดูแต่ละเรื่องกัน

ถ้าจะบอกว่าแคคตัสไม่ชอบน้ำ.. อาจจะไม่ตรงกับความจริงเท่าไหร่ น่าจะพูดว่า "ไม่ชอบแฉะ" น่าจะตรงกว่า..
1. เค้าเป็นไม้อวบน้ำ ...อวบน้ำหมายความว่า อมน้ำไว้ในร่างนางเยอะ..ซึ่งถ้าในร่างนางมีน้ำเยอะแล้ว เรายังเติมน้ำให้นางเข้าไปอีก นางก็จะเน่าค่ะ ดังนั้น การให้น้ำที่ "พอดี"จะทำให้เค้าอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง (เหมือนสภาพที่เค้าอยู่ในธรรมชาติ) ไม่จากเราไปทั้งที่ยังไม่คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ..แคคตัสในไทยราคาสูงยังกับทอง..แอบบ่น..blockdit ไม่มี sticker ให้เราเลยหราาา
2. ถึงจะเป็นไม้อวบน้ำ แต่เค้าก็ชอบน้ำเท่าๆ กับไม้ทั่วๆ ไป เอ..อันนี้ขัดแยังกับข้อ 1 มั้ย ..คือข้อนี้เขียนขึ้นมาเพื่อเตือนน้อง ๆ ที่ชอบใช้ syringe รดน้ำกระบองเพชรโดยเฉพาะ ..คือ..ในการรดแต่ละครั้ง..ไม่ต้องรดน้ำเค้าน้อยจนเกินเหตุ หมายความว่ารดน้ำปริมาณเหมือนต้นไม้ทั่วไปที่เกิดและเติบโตในประเทศไทยค่ะ แต่รดน้ำ 3-5 วันครั้งก็พอ
3. ไม่ชอบน้ำขัง ไม่ชอบแฉะ ..ซึ่งเรื่องนี้ไปอยู่ในหัวข้อดินจร้า ผสมดินยังไงไม่ให้ดินแฉะ ..รดน้ำแล้ว น้ำไม่ขัง

ดังนั้น ควรรดน้ำ 3-5 วันครั้ง ปริมาณน้ำที่รด ..เท่ากับการรดน้ำต้นไม้ทั่วไปจ้า..

แดด

แคคตัสชอบแดด จึงควรเลี้ยงกลางแจ้ง รวมถึงจำนวนชม.ของการให้แดดก็เป็นสิ่งสำคัญ

หมายความว่า นอกจากเค้าจะชอบนั่งเล่นอยู่กลางแดดแล้ว..ยังชอบอยู่แบบนั้นเป็นเวลานาน ๆ อีกด้วย ..เพราะนางมีถิ่นกำเนิดในทะเลทรายจ้าาา ...

ดังนั้น การหาที่วางที่เหมาะสม..คือมีชั่วโมงแดดนาน ๆ จึงเป็นสิ่งควรทำ..แต่ถ้าบ้านเรามีแดดน้อยจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องยกไปย้ายมาตามแดดนะคะ..เอาแค่ว่าตรงที่มีแดดนานที่สุดก็พอ..ถึงแม้จะมีแค่ 2 ชม.ก็ตาม...แต่ก็ต้องยืดเวลารดน้ำให้ยาวกว่าเดิม เช่น อาจจะเป็น 4 วันครั้ง โดยพิจารณาความโปร่งของดินร่วมด้วย..ยากจัง..55 ..ไม่ยากนะคะ แต่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ..

อ้อ...เรื่องของแดดยังไม่หมดแค่นี้...คำว่า "เลี้ยงกลางแดด" ไม่ใช่กลางฝนนะจ๊ะเด็ก ๆ ..ก็คือถ้าเราเลี้ยงวางไว้กลางแจ้ง เมื่อฝนมาน้องก็จะไม่ได้ตากแดดเพียงอย่างเดียว แต่ก็จะตากฝนเด้วยเหมือนกัน ..แล้วยังไง..โดนฝนในไทยเข้าไป 2-3วันติดกัน น้องก็จะกลับดาวจร้าาา จึงจำเป็นต้องมีเรื่องของการสร้างโรงเรือนกระบองเพชรเข้ามาเกี่ยวข้อง..แต่ในเบื้องต้น เริ่มเลี้ยงใหม่ ๆ หาทำเลๆดี ๆ ที่มีแดด แต่ไม่โดนฝนก็น่าจะพอ ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายขนาดนั้น

ดิน...ชอบดินโปร่งๆ น้ำไม่ขัง ไม่แฉะ

ดินที่เราใช้ปลูกต้นไม้ในบ้านเรา ไม่ค่อยเหมาะกับแคคตัส เพราะไม้ที่ปลูกในบ้านเราเป็นไม้ที่ชอบร้อนชื้น ชอบดินที่เก็บความชื้นได้นาน ๆ ซึ่งแคคตัสไม่ชอบเลยยย ขอบอก..แล้วดินโปร่งๆ คืออะไร

ดินโปร่ง ๆ คือดินที่น้ำสามารถไหลผ่านได้ดี ไม่เก็บความชื้นไว้ในปริมาณที่มากเกินไป ..

แล้วจะทำอย่างไรให้ดินโปร่ง ...เอาดินทั่วไปนั่นแหละมาร่อน (จะได้เป็นผงละเอียด) และนำมาผสมกับวัสดุปลูกอื่น ๆ เพิ่มความโปร่งให้ดิน เช่น หินภูเขาไฟ เวอร์มิคูไรท์ เพอไลท์ หรืออื่น ๆ 

แต่ถ้าหาพวกนี้ไม่ได้ หรือราคาแพงเกินไป ก็ใช้พวกถ่านทุบ ทรายก่อสร้างมาผสมแทนได้จ้า 

*ส่วนผสมของดิน หาได้จาก internet มีข้อมูลมากมายและหลากหลายสูตรมาก ๆ จ้า


กระถาง
กระถางก็มีส่วนสำคัญกับการเลี้ยงแคคตัส 
ขนาด ควรใช้กระถางขนาดเล็ก กระถางที่ใหญ่เกินไปจะทำให้ความชื้นในดินมีมากเกิน หรืออาจจะทำให้ดินแฉะเกินไป รากเน่าได้จ้า
ประเภทของกระถาง กระถางพลาสติกจะระบายความชื้นในดินได้ช้ากว่ากระถางดินเผา แต่การดูแลอาจจะไม่ต่างกันมากนัก 
*สิ่งสำคัญที่จะแนะนำคือไม่ควรใช้กระถางเซรามิค เพราะอมความร้อนมากเมื่อวางตากแดดอาจจะส่งความร้อนสู่ต้นไม้ ทำให้สุกได้..ตายนึ่งจ้า...

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้น คือ ดิน น้ำ แดด  มีความสัมพันธ์กันเป็นวงกลมจร้า..เช่น
- ถ้าดินโปร่งมาก และได้ชั่วโมงแดดนานๆ ต่อวัน การรดน้ำอาจจะเป็น 3 วันครั้ง
- ถ้าดินโปร่งมาก แต่ชั่วโมงแดดน้อย การรดน้ำอาจจะป็น 4 วันครั้ง เพื่อให้ความชื้นในดินหมดไปก่อนที่จะรดน้ำครั้งถัดไป
- ถ้าดินโปร่งน้อย (ไม่แนะนำ) แดดเยอะ การรดน้ำก็อาจจะเป็น 4-5 วันครั้งได้

ดูเหมือนยุ่งยากเนอะ..แต่ถ้าเริ่มจากความเข้าใจ..ต่อไปเราจะรู้ได้เองว่า ..จะเลี้ยงดูเค้าอย่างไร..โดยไม่ต้องมาเปิดตำรา..ไม่ต้องมาคิดว่า เราเลี้ยงในแบบไหน และต้องรดน้ำกี่วันครั้ง..
ดังนั้น ..เข้าใจก่อน..ซึ่งค่อยๆ เข้าใจไปก็ได้ เลี้ยงตายบ้างก็ไม่เป็นไร เป็นเรื่องปกติ...

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือปุ๋ยและแมลงโรคพืชต่าง ๆ ใน cactus ก็มีเยอะไม่แพ้พืชใด ๆ ขอแปะไว้ก่อน จะมาเล่าให้ฟังทีหลังจร้า..


วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2564

กระบองทอง (Parodia Leninghausii)

นางเป็นไม้รากตัวเอง (คนขายบอก) เพิ่งลงปลูกได้ประมาณ 1 เดือน เอาจริง..ไม่ได้พักไม้..อะไรเลย มาถึงก็ลงกระถางตามปกติ..



เมื่อสองวันก่อนสังเกตุเห็นยอดมีปุยสีน้ำตาลอ่อนๆ 🌸ใจก็ฉุกคิดว่าา เอ หรือนางออกดอก 🌸 แต่เอ๊ะะะะะะ กระบองทองไม่มีดอกนะ 🙄ทำไมมั่นใจอะไรผิดๆ 😂😂
ตอนซื้อไม่ได้คาดหวังดอกนางด้วยซ้ำ ซื้อเพราะเห็นนางฟอร์มสวยและมหึมามาก
ใครว่าไม้จีนเลี้ยงไม่ค่อยรอด 😫😫ก็คงมีบ้างแหละ แต่ไม่ใช่ต้นนี้ 😁😁
กลีบดอกบางๆ สีเหลืองละมุนๆ ทำให้ขอปันใจจากดอกขมพูที่หลงรักแพร๊บบบ🌼🌼🌼🌼
ฟอร์มกอ...หย่ายยยยๆๆๆ สวยแบบไม่ต้อวรอเวลา..ป้าแก่แล้วรอไม่ไหว 😂😂😂 เอิ้กก



วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

เลิฟลี่โลบิเวีย

                                      
                       
Lobivia นางนี้  ไม่เคยออกดอกเดี่ยวเลยค่ะ
ต้องมีเพื่อนร่วมทีมเหมือน girl group ยังไงหยั่งงั้น 
แต่รอบนี้นางแอบแซ่บ มาร่วมทีมทีเดียว 16 ดอกจ้า

                เปรี้ยว..ตั้งแต่ตอนยังไม่บานธรรมดาซะที่ไหน
แค่ดอกตอนตูมก็สวยล้นใจแล้ว

ตอนบานซิ่ อลังการขนาดไหน ดูเอา
ฉายภาพซ้ำๆ อิอิ





เลิฟเลิฟค่ะ สีจัดจ้าน จำนวนดอกน่าเอาไปแทงหวย แฮร่....